ด้วยความรอบคอบจึงเป็นเสมือนการขัดเกลาหัวใจให้ละเมียดละไมมากขึ้น เป็นการฝึกให้เราเรียนรู้ความหมายของชีวิตและความตายอย่างลึกซึ้ง ของชำร่วยงานศพแต่ละชิ้นจึงกลายเป็นบทเรียนหนึ่งของชีวิต ทั้งในแง่ของความไม่แน่นอน การยอมรับการเปลี่ยนแปลง และการให้คุณค่ากับความทรงจำ เพราะการจากลาคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกรูปแบบของการลานั้นได้ว่าจะเป็นเพียงความเศร้าหมอง หรือจะเป็นความงดงามเงียบๆ ที่หล่อเลี้ยงหัวใจของทุกคน
ของชำร่วยงานศพยังเป็นสื่อกลางที่ทำให้แขกรับรู้ถึงตัวตน
ความเชื่อของผู้ล่วงลับได้อย่างลึกซึ้ง ยกตัวอย่างเช่น หากของชำร่วยเป็นหนังสือสวดมนต์หรือพระไตรปิฎกฉบับย่อ ก็อาจสะท้อนให้เห็นว่าผู้วายชนม์เป็นผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น หรือหากเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน สบู่ทำมือ หรือของใช้จากธรรมชาติ ก็อาจสื่อได้ว่าเป็นคนที่รักความเรียบง่ายและใกล้ชิดธรรมชาติ หากเป็นของชำร่วยที่เกี่ยวข้องกับงานอาสา บริจาค หรือส่งเสริมสังคม ก็อาจบอกเล่าได้ว่าเขาคือผู้ที่อุทิศตนเพื่อผู้อื่นตลอดชีวิต รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้อาจไม่ได้มีเสียง แต่กลับเล่าเรื่องราวได้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใด
การมอบของชำร่วยงานศพยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งให้กับผู้มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือแขกที่มาร่วมด้วยความเคารพ การได้รับของชำร่วยจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้มาร่วมแค่พิธี แต่เขาได้มีส่วนร่วมในความทรงจำครั้งสุดท้ายของชีวิตหนึ่ง และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเมื่อกลับจากงานศพแล้ว จะเก็บของชำร่วยนั้นไว้อย่างทะนุถนอม เสมือนเป็นสื่อเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ยังไม่จางหาย
ของชำร่วยงานศพไม่ใช่เพียงสิ่งของ แต่คือความหมาย
คือการบอกลาอย่างอ่อนโยน คือเครื่องหมายของความรักที่ไม่สิ้นสุด แม้เวลาจะพัดพาความเศร้าจางหายไป แต่ของชำร่วยนั้นจะยังคงอยู่ คงคุณค่า และคงความทรงจำอย่างเงียบงามในหัวใจผู้รับตลอดไป และเมื่อเวลาผ่านไป แม้งานศพจะจบลงนานแล้ว ความเศร้าจะค่อยๆ เลือนราง กลับเป็นของชำร่วยงานศพที่ยังคงอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน เป็นปฏิทินเล็กๆ ที่ยังใช้แขวนไว้บนผนัง เป็นถุงผ้าใบหนึ่งที่ยังใช้งานอยู่ทุกวัน เป็นหนังสือสวดมนต์ที่เปิดอ่านยามใจไม่สงบ หรือเป็นพระเครื่องที่แขวนติดตัวไว้ตลอดเวลา ของเหล่านี้แม้จะดูธรรมดาในสายตาคนภายนอก แต่สำหรับเจ้าของแล้ว มันไม่ใช่แค่ของสิ่งหนึ่ง แต่คือความผูกพัน ความทรงจำ และเรื่องราวที่ฝังแน่นในใจ
การมอบของชำร่วยงานศพจึงกลายเป็นการปลูกเมล็ดพันธุ์ของความทรงจำให้ผลิบานในใจของผู้รับ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้วายชนม์จะลึกซึ้งเพียงใด แต่เมื่อได้รับของชำร่วยแล้ว เขาจะมีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงเขาไว้กับวันนั้น วันที่ทุกคนมาร่วมกันส่งผู้จากไปด้วยความเคารพ เป็นวันที่ไม่ได้มีแค่พิธีกรรม แต่มีหัวใจอยู่ในทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะในของชำร่วยซึ่งเปรียบเสมือนบันทึกสุดท้ายจากผู้ล่วงลับที่ฝากไว้กับทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่คนที่ไม่ได้พูดอะไรเลยในงาน บางครั้งก็อาจเก็บของชำร่วยนั้นไว้เงียบๆ แล้วคิดถึงเจ้าของงานอยู่ในใจ
